5 เหตุผลทำไม Chanel Classic Flap จึงเป็นไอค่อนยอดนิยมตลอดกาล

5 เหตุผลทำไม Chanel Classic Flap จึงเป็นไอค่อนยอดนิยมตลอดกาล มีเพียงกระเป๋าไม่กี่แบรนด์ ที่ยังคงครองอันดับสุดยอดกระเป๋าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและอยู่ในลิสต์รายการ "ของมันต้องมี" ซึ่งการขึ้นราคาไม่อาจทำให้ความต้องการที่จะครอบครองกระเป๋ารุ่นนั้นลดน้อยลงแต่อย่างใด Chanel Classic Flap Bag คือหนึ่งในกระเป๋าที่ยังคงมนต์วิเศษเหล่านั้นไว้ได้

ผลงานการสร้างสรรค์ของ Karl Lagerfeld ในปี 1983 ซึ่งเป็นบทกวีของกระเป๋า 2.55 อันเป็นเอกลักษณ์ของ Gabrielle Chanel สำหรับใครที่เพิ่งเข้าสู่วงการแบรนด์เนม หรือกำลังตัดสินใจจะเป็นเจ้าของ Chanel Classic ไว้ในครอบครองสักใบ นี่คือ 5 เหตุผลดี ๆ จาก SF Brandname เพื่อกระซิบบอกคุณว่า ทำไม Classic Handbag จึงเป็นไอคอนเหนือกาลเวลาที่ไม่มีวันตกยุคตลอดไป

 

1.CC LOGO

5 เหตุผลทำไม Chanel Classic Flap จึงเป็นไอค่อนยอดนิยมตลอดกาล โลโก้

โลโก้ CC ถือเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของ Classic Handbag โดยสัญลักษณ์ CC ไขว้ถูกออกแบบโดยกาเบรียล ชาแนล ซึ่งกล่าวกันว่า เธอได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากลวดลายของหน้าต่าง ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า Aubazine ที่เธอเติบโตขึ้นมา

หลังจากนั้น สัญลักษณ์ CC ไขว้นี้ ก็เริ่มปรากฏบนผลงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของ Chanel ในปี ค.ศ. 1924 เมื่อชาแนลก่อตั้ง Société des Parfums CHANEL เธอยังได้เริ่มประดับประดาทุกสิ่งด้วยดับเบิ้ลซี ซึ่งรวมถึงน้ำหอม CHANEL N°5 อันโด่งดังของเธอ ซึ่งยังคงเป็นกลิ่นที่ขายดีที่สุดในโลก เช่นเดียวกับโลโก้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอักษรสีดำบนพื้นหลังสีขาว หรือตัวอักษรสีขาวบนพื้นหลังสีดำ เป็นตัวแทนของตัวเธอนั่นเอง

เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ Chanel คือการเย็บควิ้ลท์ลายเพชร หรือลายข้าวหลามตัด ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเสื้อคลุมของนักขี่ม้า ช่วยเพิ่มมิติพิเศษพร้อมทั้งให้สัมผัสที่น่าดึงดูด และการเย็บอันเป็นเอกลักษณ์นี้จะปรากฏบนหนังทั้งหมดของ Chanel ตั้งแต่หนังลูกวัวลายเกรนไปจนถึงหนังลูกแกะเนื้อนุ่ม รวมถึงบนวัสุผ้าอย่างผ้าทวีตอีกด้วย

5 เหตุผลทำไม Chanel Classic Flap จึงเป็นไอค่อนยอดนิยมตลอดกาล (2)

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของเธอ ที่ถูกถ่ายทอดลงบนชิ้นงานอันเป็นเอกลักษณ์จาก Chanel ซึ่งสะท้อนถึงความเรียบง่าย สวยงาม และทันยุคทันสมัยตามสไตล์ผู้หญิงยุคใหม่ ที่ไร้ขีดจำกัดทางด้านแฟชั่น ตัว C สองตัวที่แสดงด้วยแบบอักษรที่เรียบง่ายและทรงพลัง มีความภักดีต่ออดีตของ Chanel และมีความสำคัญต่ออนาคตของเธอในฐานะศิลปิน มันทันสมัยแต่คลาสสิค ร่วมสมัยแต่เหนือกาลเวลา

 

2.Chanel Single Flap vs. Double Flap

คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับทั้งรุ่น Single Flap และ Double Flap มาก่อน มันมีความหมายว่าอย่างไร ? พูดง่าย ๆ ก็คือ คำว่า Single และ Double หมายถึงจำนวนของฝากระเป๋า ที่ใช้ทำการเปิด-ปิดกระเป๋า ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจ และแยกแยะทั้ง 2 แบบนี้ไปพร้อมกัน

ในโลกของ Flap Bag เราให้ความสำคัญในการแยกความแตกต่างระหว่าง Single Flap (ฝากระเป๋าชั้นเดียว) กับ Double Flap (ฝากระเป๋า 2 ชั้น) กระเป๋า Flap Bag ส่วนมากในปัจจุบัน จะเป็นแบบ Double Flap ซึ่งเมื่อเปิดฝากระเป๋าด้านในขึ้นมา จะพบกับ The Iconic Double C หรือฝีเข็มที่เย็บเป็นตัว C ไขว้ขนาดใหญ่ อันเป็นสัญญลักษณ์ของ Chanel ที่ออกแบบโดย คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld)

ในปี ค.ศ. 1990 เป็นปีแรกที่ชาแนลได้เริ่มผลิตกระเป๋าแบบฝาชั้นเดียวหรือ Single Flap ซึ่งในปัจจุบัน ทางชาแนลได้หยุดการผลิตกระเป๋าแบบฝาชั้นเดียวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นทำให้ Single Flap กลายเป็นของหายากไปโดยปริยาย และราคาของกระเป๋ารุ่นนี้ ในตลาดซื้อขายของมือ 2 หรือตลาดขายของวินเทจ พุ่งทะยานขึ้นไปแบบไม่ต้องสงสัย

 

3.How Its's Made

Chanel Single Flap vs. Double Flap

กระเป๋าแต่ละใบต้องใช้ขั้นตอนที่แตกต่างกัน 180 ขั้นตอน โดยใช้เวลาในการตัดเย็บทั้งหมด 15 ชั่วโมงตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอะไหล่และวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บ ตัวล็อคแบบ CC Turn-Lock อันเป็นเอกลักษณ์ และสายโซ่ที่สามารถสะพายไหล่หรือพาดลำตัวได้ กระเป๋าทำจากหนังแกะหรือหนังคาเวียร์สำหรับด้านนอก และผ้าไหมหรือหนังสำหรับซับในด้านใน ตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์สีทองหรือสีเงิน

การตัดเย็บ ขั้นตอนแรกในกระบวนการผลิตคือการตัดหนัง วัสดุได้รับการวัดและตัดอย่างระมัดระวังเพื่อให้มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมสำหรับแต่ละส่วนของกระเป๋าก่อนที่จะเย็บติดกัน โดยใช้เทคนิคพิเศษที่สร้างลวดลายควิลท์อันเป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋าสะพาย Chanel โดยลวดลายการตัดเย็บดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการที่เรียกว่า "matelassé" ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งแปลว่า "ควิลท์" หรือ "บุนวม"

5 เหตุผลทำไม Chanel Classic Flap จึงเป็นไอค่อนยอดนิยมตลอดกาล (4)-โซ่

สำหรับสายโซ่ ถือเป็นส่วนสำคัญของกระเป๋าสะพาย Chanel และยังเป็นส่วนประกอบที่ประณีตที่สุดชิ้นหนึ่งในการผลิตอีกด้วย โซ่ประกอบด้วยข้อต่อโลหะที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งประกอบขึ้นด้วยมืออย่างระมัดระวัง แถบหนังที่ยึดสายโซ่เข้ากับกระเป๋าก็ถูกตัด เย็บ และทำด้วยมือเช่นกัน เมื่อตัด เย็บ และประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดแล้ว ก็นำถุงมาประกอบเข้าด้วยกัน มีการเพิ่มฮาร์ดแวร์ รวมถึงตัวล็อคแบบเทิร์นล็อคและโลโก้ CC ลงในกระเป๋า มีสายโซ่ติดอยู่ และตรวจสอบกระเป๋าอย่างละเอียดว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่

ชาแนลมีชื่อเสียงในด้านมาตรการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และกระเป๋าทุกใบได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนจำหน่าย หนังและฮาร์ดแวร์ได้รับการตรวจสอบเพื่อหาข้อบกพร่องใดๆ และการเย็บได้รับการตรวจสอบเพื่อความสม่ำเสมอและความทนทาน ส่งผลให้มีการสร้างสรรค์กระเป๋าที่มีความประณีตทั้งภายในและภายนอก สมกับเป็นกระเป๋าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดใบหนึ่งของ Chanel อย่างแท้จริง

 

4.Size of Chanel Classic

Classic Flap Bag มีให้เลือกทั้งหมด 6 ขนาด โดยขนาดที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ ขนาด Small และ Medium ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมของผู้หญิงทั่วโลกมากที่สุด โดยขนาดที่แตกต่างกัน อยู่ที่สไตล์และความชื่นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล และนี่คือขนาดของกระเป๋า Classic Flap ทั้ง 6 ขนาด

5 เหตุผลทำไม Chanel Classic Flap จึงเป็นไอค่อนยอดนิยมตลอดกาล (5)-ขนาด-size-chanel

  • Mini Square Classic : ขนาดอยู่ที่ 17 x 13.5 x 8 เซนติเมตร (6.6 x 5.3 x 3.1 นิ้ว)
  • Mini Rectangular Classic : ขนาดอยู่ที่ 20 x 12 x 6 เซนติเมตร (7.8 x 4.7 x 2.3 นิ้ว)
  • Small Classic : ขนาดอยู่ที่ 23 x 14.5 x 6 เซนติเมตร (9 x 5 x 2.3 นิ้ว)
  • Medium Classic : ขนาดอยู่ที่ 25.5 x 15.5 x 6.5 เซนติเมตร (9.9 x 6 x 2.5 นิ้ว)
  • Jumbo Classic : ขนาดอยู่ที่ 30 x 19.5 x 10 เซนติเมตร (11.7 x 7.6 x 3.9 นิ้ว)
  • Maxi : ขนาดอยู่ที่ 33 x 23 x 10 เซนติเมตร (12.9 x 9 x 3.9 นิ้ว)

 

5.Good Investment

ในปัจจุบัน กระเป๋า Chanel Classic Flap มีการปรับราคาขึ้นทุกปี นั่นเป็นเพราะว่ามูลค่าของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยรอบข้างต่างๆ อีกทั้งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความยากในการเฟ้นหาวัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ในการตัดเย็บกระเป๋า รวมถึงต้นทุนของแรงงานที่สูงขึ้น เหตุผลเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มูลค่าของกระเป๋ารุ่นนี้มีแต่เพิ่มขึ้น การได้เป็นเจ้าของกระเป๋า Chanel ซักใบ จึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการซื้อขายเพียงอย่างเดียว แต่มันยังหมายถึงการลงทุน ที่ให้ผลกำไรตอบแทนอย่างงามในอนาคต

หากคุณทำการซื้อกระเป๋ารุ่น Classic Flap เมื่อปี ค.ศ. 1959 ในราคา 7,500 บาท ในปัจจุบันจะถือว่าเป็นกระเป๋ารุ่นวินเทจ ที่มีมูลค่าเฉลี่ยต่อใบสูงถึง 152,000 บาท ซึ่งหากนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยน คุณจะได้กำไรจากการลงทุนครั้งนี้ถึง 20 เท่าเลยทีเดียว ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนผันได้ ขึ้นอยู่กับสภาพโดยรวมของกระเป๋า และความต้องการของตลาดในขณะนั้น

ปัจจุบัน ราคาของกระเป๋า Classic Flap หนังแกะอะไหล่ทอง บน Website ของ Chanel ขนาด Small จำหน่ายอยู่ที่ 370,500 บาท ขนาด Medium จำหน่ายอยู่ที่ 418,000 บาท และขนาด Jumbo จำหน่ายอยู่ที่ 442,000 บาท

Chanel Classic เป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่โดดเด่นที่สุดของแฟชั่นเฮ้าส์แห่งนี้ อ้างอิงจากกระเป๋า Chanel 2.55 ซึ่งเป็นกระเป๋าสะพายใบแรกที่ถือว่าเป็นที่ยอมรับของสังคมสำหรับผู้หญิงสมัยใหม่ เป็นตัวแทนของความขบถไม่เหมือนใครของชาแนล ความโดดเด่นจากการออกแบบ และความสมบูรณ์แบบของงานฝีมือ เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า ที่ทำให้หลายคน ยกให้มันเป็นหนึ่งในลิสต์ ของที่ต้องมี สักครั้งในชีวิต

กระเป๋าสะพาย Chanel  Classic Flap Bag ถือเป็นผลงานชิ้นเอก ต้นแบบของการออกแบบและงานฝีมืออันน่าทึ่ง ตั้งแต่วัสดุคุณภาพสูงไปจนถึงการเย็บและการประกอบที่ประณีต ทุกรายละเอียดได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและดำเนินการเพื่อความสมบูรณ์แบบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่กระเป๋ารุ่นนี้ยังคงเป็นสินค้าหลักในอุตสาหกรรมแฟชั่นมานานกว่าครึ่งศตวรรษ แม้ว่าราคาจำหน่ายจะพุ่งสูงขึ้นทุกปี แต่มันก็ยังเป็นที่ต้องการ และแน่นอนว่าจะยังคงเป็นกระเป๋าใบโปรดของใครหลายคนต่อไปอีกหลายปีต่อจากนี้

SF Brandname มีกระเป๋า Chanel Classic Flap มากมายไว้คอยต้อนรับคุณลูกค้า อีกทั้งยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์และสไตล์ ไว้คอยต้อนรับ ด้วยการรับประกันความเป็นของแท้ 100% พร้อมคุณภาพและการบริการที่เชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมด้วยบริการครบวงจรไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการซื้อขาย แลกเปลี่ยนจำนำ หรือสปากระเป๋า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมตามช่องทางดังต่อไปนี้

  • Facebook : sfbrandname
  • IG : sfbrandname
  • Line : @sfbrandnamebkk